เมื่อไม่นานมานี้ผมได้สอนนักศึกษาแพทย์ปี 4 กลุ่มหนึ่งที่เพิ่งขึ้น ward ได้ไม่นาน โดยเป็นการสอนตรวจร่างกาย โดยปกติแล้วผมเป็นคนชอบสอนนักศึกษาแพทย์มาก เนื่องจากรู้สึกว่าได้ทำบุญ และได้มีโอกาสถ่ายทอดวิชาแพทย์ไปสู่รุ่นหลัง ซึ่งคนที่เป็นหมอทุกคนจะเข้าใจดีว่า หมอเราต้องเรียนกันแบบพี่สอนน้อง ไม่มีทางเลยที่หมอรุ่นน้องจะเรียนได้เอง โดยไม่มีหมอรุ่นพี่คอยดูแล หรือคอยสอน โดยเฉพาะทักษะทางคลินิกทั้งหลาย
ใครเลยจะเข้าใจหรือจะ ซักประวัติหรือตรวจร่างกายได้ โดยเรียนจาก lecture เท่านั้น ต่อให้สมัยนี้มีการฉาย video ให้ดู หรือ download clip จาก youtube มาดูเรื่องการตรวจร่างกาย รับประกันได้เลยครับว่า เมื่ออยู่ในสถานการณ์จริง เจอคนไข้ครั้งแรกก็ตรวจไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้จะ approach คนไข้อย่างไร ตรวจอย่างไร ขั้นตอนเป็นอย่างไร และจะแปลผลอย่างไร
ตอนผมเรียนแพทย์ใหม่ๆยังจำได้แม่นเลยครับ ว่าอาจารย์แทบจะจับมือสอนเลย ต้องค่อยๆทำให้ดูและให้ทำตาม พร้อมกับสอนไปด้วย ครั้นพอเรามาเป็นอาจารย์แพทย์บ้าง ก็เข้าใจเลยครับว่า ต้องทุ่มเทมากแค่ไหนเพื่อจะผลิตแพทย์ให้ได้สักคน ผมต้องสอนและทำให้ดูอย่างช้าๆ เป็นไปตามขั้นตอน
เช่นคลำท้อง ต้องบอกและขออนุญาตคนไข้ก่อน และต้องค่อยๆเปิดผ้าอย่างนุ่มนวล เปิดเท่าที่ทำเป็น และใช้ผ้าคลุมในส่วนที่ไม่จำเป็นไว้ แล้วก็ต้องเริ่มจากการดูก่อน ดูอะไรบ้าง ก็ต้องสอนไป ดูแล้วก็ต้องมาฟังก่อน ที่จะคลำ แต่ก่อนคลำหรือสัมผัสคนไข้ ต้องถามก่อนเสมอว่าคนไข้มีอาการปวดท้องตรงไหนหรือเปล่า จะได้เลี่ยงจุดนั้นไปก่อน ต่อมาฟังนะ ต้องฟังอะไรบ้าง ฟัง bowel sound ก่อนนะ เสียงเป็นอย่างไรใครรู้บ้าง ไหนลองฟังดูสิ ได้ไหม ถ้าไม่ได้ นี่เอา stet ฟังพร้อมๆกับพี่นะ ตั้งใจฟัง เวลามี bowel sound มาพี่จะบอก …. นั่นไง นี่แหละ เรียกว่า bowel sound นะ จำไว้เสียงเป็นอย่างนี่ อ้า… นี่ก็ใช่เหมือนกัน จำไว้นะ สอนแบบนี้ครับ กว่าจะสอนแต่ละอย่างจบแต่ละอย่าง มีเรื่องให้พูด และมีรายละเอียดอีกมากครับ ฯลฯ
สอน 3 ชั่วโมง กินแรงไปมากทีเดียว และต้องยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่ผมจะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้สอนนักศึกษาแพทย์ โดยเฉพาะถ้าได้เห็นนักศึกษาแพทย์ฟังและทำอย่างตั้งใจ แววตามีประกาย และดูมุ่งมั่นในการเรียน ถ้าเห็นแบบนี้ผมจะมีความสุขและมีไฟขึ้นอีกมากครับ
แต่บางครั้ง ผมก็เจอนักศึกษาแพทย์ที่ไม่ไหวเอาเสียเลยเหมือนกัน ไว้จะเล่าให้ฟังต่อครับในโอกาสหน้า